ญี่ปุ่นส่งออกพุ่ง 7.2% เกินดุลสหรัฐต่อ แม้เสี่ยงโดนมาตรการกีดกันภาษีเพิ่ม

24 กุมภาพันธ์ 2568
ญี่ปุ่นส่งออกพุ่ง 7.2% เกินดุลสหรัฐต่อ แม้เสี่ยงโดนมาตรการกีดกันภาษีเพิ่ม

เดือนมกราคม ญี่ปุ่นส่งออกพุ่ง 7.2% นำโดยรถยนต์และการต่อเรือ เกินดุลสหรัฐสูงถึง 477,000 ล้านเยน ท่ามกลางความเสี่ยงมาตรการกีดกันภาษีจากสหรัฐ

บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ญี่ปุ่นมีการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนมกราคม หลังโดนัลด์ ทรัมป์ เผยนโยบายกีดกันทางการค้า (Protectionism) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เผยข้อมูลในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2025 ว่ามูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 7.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี (YOY) สอดคล้องตามคาดการณ์ นำโดยสินค้าหมวดหมู่รถยนต์และการต่อเรือ ส่วนการนำเข้าทะยานขึ้น 16.7% นำโดยอุปกรณ์การสื่อสาร (Communication Machinery) และคอมพิวเตอร์ เหนือกว่าค่ากลางที่ประมาณการไว้ ทำให้ญี่ปุ่นกลับมาขาดดุลการค้าอีกครั้งที่ 2.76 ล้านล้านเยน (ราว 612,963 ล้านบาท) มากสุดในรอบสองปี 

เมื่อแบ่งตามภูมิภาค การส่งออกไปสหรัฐเพิ่มขึ้น 8.1% ขณะที่การส่งออกไปจีนลดลง 6.2% และสหภาพยุโรปร่วงมากสุดที่ 15.1% 

แนวโน้มการค้าโลกมีความไม่แน่นอนมากขึ้น หลังทรัมป์กล่าวว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% กับสินค้ายานยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และเภสัชภัณฑ์ เร็วสุดในวันที่ 2 เมษายน ซึ่งทรัมป์ชี้ว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่านั้นได้อีก

ทาเคชิ มินามิ (Takeshi Minami) นักเศรษฐศาสตร์ จากโนรินชูคิน รีเสิร์ช อินสติติว (Norinchukin Research Institute) กล่าวว่า อุปสงค์มีการเร่งตัวอย่างเห็นได้ชัดในช่วงก่อนพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งไม่น่าใช่อุปสงค์ที่แท้จริง และมีความเป็นไปได้ที่การส่งออกจะลดลงมาสู่ระดับเดิม

จีนเริ่มโต้กลับมาตรการภาษีจากสหรัฐบ้างแล้ว ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงออกมาตรการภาษีคุกคามชาติอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การเพิ่มภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าอีก 25% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เดือนมีนาคมนี้ และจะเรียกเก็บภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ต่อคู่ค้าหลายประเทศ

ญี่ปุ่นซึ่งมีคู่ค้ารายใหญ่เป็นสหรัฐและจีน ได้เรียกร้องสหรัฐให้ยกเว้นการเรียกเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมเพิ่มเติม รวมถึงนโยบายเรียกเก็บภาษีแบบตอบโต้อีกด้วย เพื่อลดขนาดผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นซึ่งเกินดุลกับสหรัฐมานาน และเกินดุลมากถึง 477,000 ล้านเยน (ราว 105,857 ล้านบาท) ในเดือนมกราคม อาจทำให้ทรัมป์ไม่พอใจ และพยายามขึ้นกำแพงภาษีเพื่อลดการขาดดุล โดยญี่ปุ่นส่งออกรถไปยังสหรัฐพุ่งขึ้นถึง 21.8% ในเดือนมกราคม

การส่งออกรถยนต์เป็นปัจจัยสำคัญต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงเวลาปัจจุบันที่ภาวะเงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศอย่างมาก ญี่ปุ่นอาจได้รับความเสียหายโดยตรงจากกำแพงภาษี และโดยอ้อมจากกำแพงภาษีในเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งเต็มไปด้วยโรงงานรถญี่ปุ่นหลายแห่ง

สหรัฐยังส่งสัญญาณขึ้นกำแพงภาษีต่อญี่ปุ่นต่อไป แม้อิชิบะ ชิเงรุ (Ishiba Shigeru) จะรับปากกับทรัมป์ในการพบปะกันเมื่อเดือนมกราคมว่าญี่ปุ่นจะเพิ่มการลงทุนในสหรัฐมากขึ้น ซึ่งข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Automobile Manufacturers Association) แสดงให้เห็นว่าปี 2023 ญี่ปุ่นผลิตรถยนต์ 3.3 ล้านคันในสหรัฐ มากกว่าการนำเข้าที่ 1.5 ล้านคันเป็นสองเท่า

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังกล่าวว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนต่อดอลลาร์ในเดือนมกราคมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 157.20 เยนต่อดอลลาร์ อ่อนกว่าปีก่อน 9.2% (YOY) ซึ่งทรัมป์วิจารณ์ว่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงทำให้สหรัฐขาดดุลการค้ากับญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ได้พูดถึงประเด็นดังกล่าวอีกเลยหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ

เงินเยนที่อ่อนค่าลงทำให้ต้นทุนการนำเข้าอาหารและพลังงานเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเงินเยนยังอ่อนค่าอยู่แม้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะพยายามปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินอุดหนุนครัวเรือนยากจนรับมือกับวิกฤตค่าครองชีพ

ทั้งนี้ ทาเคชิ มินามิ จากโนรินชูคิน ยังกล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะได้รับผลกระทบอย่างมาก หากสหรัฐเรียกเก็บภาษียานยนต์อีก 25% ในวันที่ 2 เมษายนนี้จริง ๆ อย่างไรก็ตาม ฐานการผลิตในญี่ปุ่นจะต้องลดลงไปอยู่ดี เนื่องจากทรัมป์เรียกร้องให้มีการตั้งโรงงานการผลิตในสหรัฐมากขึ้น


แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.